อ้วน แล้วหรือยัง? คำถามสั้นๆเกี่ยวกับร่างกายตัวเองที่ใครหลายคนไม่กล้าถาม ความอ้วน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายและต้องใช้ความพยายามมากในการจะกำจัดไปให้ได้ หลายคนยังคงสับสนว่ารูปร่างแบบตัวเองนี่ถือว่า อ้วน แล้วหรือเปล่า ซึ่งความจริงอาจจะยังไม่อ้วน หรือบางคนอาจจะอ้วนจนถึงเวลาสมควรที่จะต้องลดได้แล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของความอ้วนกันว่าความอ้วนคืออะไร วิธีดูว่าตัวเองอ้วนหรือไม่ และวิธีเช็คความอ้วนก่อนสายเกินแก้
จากการศึกษาพบว่าความ อ้วน ของพ่อแม่มีผลถึงร้อยละ 80 ต่อความอ้วนของลูก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในคนอายุมากมีโอกาสที่จะอ้วนขึ้นมากกว่าคนที่อายุน้อย เนื่องจากระบบต่างๆในร่างกายทำงานช้าลงและเริ่มไม่มีประสิทธิภาพ และยิ่งในเพศหญิงยิ่งมีโอกาสอ้วนได้ง่ายกว่าผู้ชาย
ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการกินแป้งกับน้ำตาลเป็นจำนวนมากหรือไลฟ์สไตล์แบบนั่งๆ นอนๆ ไม่ยอมออกกำลังกายก็สามารถทำให้เราอ้วนขึ้นได้ทั้งนั้น
ในบางคนนั้นมีภาวะ อ้วน เพราะการทำงานของต่อมไร้ท่อผิดปกติ คนที่อ้วนด้วยสาเหตุนี้ต้องได้รับการรักษาที่ต้นเหตุ
บางโรคและการรักษาอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้อ้วนขึ้นได้ เช่นการใช้ยาคลายเครียดในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือการกินยาคุมกำเนิด เป็นต้น
สรุป: ความอ้วนเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน
การจะดูว่าตัวเองเข้าขั้นอ้วนหรือไม่สามารถวัดผล หรือดูได้จากการวิธีเหล่านี้
ค่าดัชนีมวลกายหรือค่า BMI คือค่าวัดความสมดุลของน้ำหนักตัวและส่วนสูงของคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งค่า BMI นี้สามารถบอกได้ว่าเรามีน้ำหนักมากเกินไปหรือไม่ แต่ไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างไขมันส่วนเกิน กล้ามเนื้อ หรือมวลกระดูก หรือบอกว่าในร่างกายเรามีไขมันมากเกินไปหรือเปล่า วิธีหาค่า BMI นี้เป็นที่นิยมกันมาก โดยมีสูตรวิธีคิดคือเอาค่าน้ำหนัก(กิโลกรัม)มาหารด้วยส่วนสูงยกกำลังสองของเรา(เมตร) จะได้ค่าดัชนีมวลกายออกมา ซึ่งหากผลที่ได้อยู่ระหว่าง 18.5-24.9 ถือว่าน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ หากน้อยกว่า 18.5 ถือว่าน้ำหนักน้อยและหากมากกว่า 25 จะถือว่าน้ำหนักมาก มีความเสี่ยงจากโรคที่มากับความอ้วน
ในบางที่ก็ใช้วิธีการวัดรอบเอวหรือวัดผ่านสะดือ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเรามีไขมันสะสมที่หน้าท้องมากแค่ไหน โดยในเพศชายรอบเอวไม่ควรเกิน 90 cm.หรือ 36 นิ้ว และในเพศหญิงไม่ควรเกิน 80 cm. หรือ 32 นิ้ว หากมากเกินกว่านี้ก็แปลว่ามีแนวโน้มที่จะอ้วนนั่นเอง
สรุป: วิธีการดูว่าตัวเองอ้วนหรือเปล่าสามารถทำได้ด้วยการหาค่าดัชนีมวลกาย(BMI) หรือใช้วิธีวัดความหนารอบเอว
ความอ้วน เป็นสาเหตุที่จะสามารถนำพาไปสู่โอกาสการเกิดโรคต่างๆทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เรามาศึกษากันดีกว่าว่าความอ้วนทำให้เราเสี่ยงอย่างไรบ้าง
1. ไม่มั่นใจในตัวเอง
2. อ่อนเพลียง่าย
3. ความดันโลหิตสูง
4. เบาหวานชนิดที่ 2
5. หลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน
6. หลอดเลือดสมอง
7. ข้อเสื่อม
8. มะเร็งบางชนิด
9. หยุดหายใจขณะหลับหรือมีปัญหาทางเดินหายใจ
จะเห็นได้ว่าความอ้วนส่งผลเสียต่อตัวเอง ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงระดับส่งขั้นถึงชีวิต ผลกระทบจากความอ้วนบางข้อก็ใช้เวลาในการเกิดนาน และเมื่อเป็นก็รักษาได้ยาก ดังนั้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพในวันหน้ากันเถอะ
สรุป: ความอ้วนส่งผลกระทบต่อตัวเราทั้งในระยะสั้นและในระยะยาวจนอาจถึงแก่ชีวิตได้เลย
เมื่อเรารู้ตัวว่าอ้วนขึ้นแล้ว สิ่งที่เราควรจะทำคือควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ด้วยวิธีการต่อไปนี้
– อย่าอดอาหาร
– เน้นโปรตีนและไฟเบอร์
– อ่านฉลากก่อนซื้อของกิน
– ลดแอลกอฮอล์
– ลดคาร์โบไฮเดรต
– เลี่ยงของหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
– นอนหลับให้เพียงพอ
– ดูแลสุขภาพจิต
– หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์
นี่เป็นเพียงวิธีเบื้องต้นในการควบคุมน้ำหนัก หากใครที่รู้สึกว่ายากเกินไปอาจจะหาตัวช่วยเป็นอาหารเสริมควบคุมน้ำหนักดีๆซักตัวก็ได้ อย่างเช่นอาหารเสริม 3C COMPLEX ที่ช่วยบล็อกแป้งที่จะกลายเป็นน้ำตาล ลดการดูดซึมไขมันในลำไส้ และช่วยให้อิ่มนาน อยู่ท้อง ได้รับการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่ามีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ปลอดภัย ไม่ทำให้โยโย่
สรุป: การควบคุมน้ำหนักสามารถทำได้ด้วยการคุมอาหารเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและอาจจะใช้อาหารเสริมเป็นตัวช่วยให้การควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย
ขอบคุณ : Thevitaminlab